關於 cnn for students ，我們在網路上蒐集到這些相關的討論、資訊與評價

เปิดประเด็นข้อเท็จจริง “จริงหรือไม่? อเมริกาและประเทศพันธมิตร ไม่อนุญาตให้คนจีนไปเรียนอีกต่อไป"
.
จริงๆมีคนถามมาตั้งแต่เมื่อวันก่อน และตอบไปในข้อความส่วนตัวแล้ว ถึงกรณีมีการโพสต์เนื้อหาบนโลกโซเชียลว่า "อเมริกา และหลายประเทศในยุโรปแบนนักศึกษาจีน" เลยอยากเขียนถึงเรื่องนี้สักหน่อย เผื่อเป็นข้อมูลสำหรับทุกคนในพิจารณาข้อเท็จจริงครับ
.
1. อเมริกาไม่ได้ "ห้าม" หรือ "ไม่อนุญาต" นักศึกษาจีนเข้าไปเรียนที่อเมริกาอีกต่อไป เหมือนกับที่มีการเขียนโพสต์ออกมาและแชร์ไปเป็นจำนวนมากก่อนหน้านี้ ยังคงมีนักศึกษาจีนได้รับการตอบรับเพื่อเข้าเรียนในอเมริกา และเริ่มเดินทางไปยังอเมริกาแล้วโดยเฉพาะเดือนสิงหาคมนี้ หลังจากอเมริกาผ่อนคลายมาตรการเข้มงวดในการขอวีซ่าและเดินทางเข้าอเมริกา โดยอนุญาตให้นักเรียนจีนเดินทางเข้าอเมริกาได้ สำหรับโปรแกรมการศึกษาที่จะเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ 1 สิงหาคม 2021 เป็นต้นไป มีเงื่อนไข “เดินทางเข้าอเมริกาล่วงหน้า ไม่เกิน 30 วัน ของเวลาเปิดเทอม - เริ่มคอร์ส”
.
แต่ต้องยอมรับว่า "มีข้อจำกัดมากขึ้นจากหลายปัจจัย เช่น จากวิกฤติโควิด ค่าตั๋วค่าเดินทางแพงขึ้น ตามข้อมูลจาก SCMP (South Morning China Post) สื่อเอกชนที่รายงานเรื่องจีน นำเสนอสกู๊ป "The high price Chinese students pay for university in the US during the Covid-19 pandemic" เผยแพร่ 21 สิงหาคม 2564 ระบุ "ค่าตั๋วเครื่องบินจากจีนเข้าอเมริกา ราคาสูงมากทีเดียว ตัวอย่างเช่น ตั๋วเที่ยวเดียวจากปักกิ่งหรือเซี่ยงไฮ้ ไปยังปลายทางมหานครนิวยอร์ก บอสตัน หรือเมืองใหญ่อีกหลายเมืองในอเมริกา ต้องจ่ายเงินสูงถึงราว 20,000 หยวน ( ประมาณ 1 แสนบาท)"
.

2. เรื่องของการเมือง มีผลกระทบจริงต่อการเรียนต่อในอเมริกาของนักเรียนนักศึกษาจีน แต่ยังสามารถไปได้อยู่ ไม่ใช่ ห้าม 100% ดังที่กล่าวไปแล้วข้างต้น โดยในบทความของ SCMP (ที่อ้างอิงข้างบน) ยังระบุคำสัมภาษณ์นักศึกษาจีน
“ความสัมพันธ์ของสองประเทศยังคงมีปัญหา และกระแสชาตินิยมในจีนยิ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ การตัดสินใจเรียนต่อในอเมริกาไมใช่เรื่องง่ายเลย แต่หวังว่าจะคุ้มค่ากับเงินและอุปสรรคปัญหาต่างๆที่เจอ”
.
3. ตั้งแต่ช่วงสงครามการค้าจีนอเมริกาอย่างหนักเมื่อช่วงปี 2019 อเมริกาได้ประกาศแบนหลายสินค้าและบริษัทของจีน อย่างเช่น Huawei ซึ่งไม่เว้นแม้แต่สถาบันการศึกษาและสถาบันวิจัยในจีนที่โดนแบนไปทั้งหมด 6 แห่ง (รวมถึงมหาวิทยาลัยที่อ้ายจงเรียนจบมา) โดยล้วนเกี่ยวข้องกับสายเทคโนโลยีและวิศวกรรมของจีน มีชื่ออยู่ในบทความของสื่อจีน South China Morning Post เมื่อปี2015 ว่า เป็น TOP5 มหาวิทยาลัยจีนที่ทำโปรเจคลับและสำคัญสุดๆให้แก่จีน
.
ในฐานะที่เป็นศิษย์เก่าสถาบันที่มีอยู่ในรายชื่อแบนของอเมริกา ผมจึงสอบถามไปยังเพื่อนคนจีนที่ทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ในมหาวิทยาลัยแห่งนั้น โดยรับคำตอบว่า “เคยมีเหมือนกันที่อาจารย์ เจ้าหน้าที่ นักศึกษาปัจจุบัน และศิษย์เก่า รู้สึกว่า “ขอวีซ่าเข้าอเมริกายากขึ้นจริง”
.
4. ปี 2020 อเมริกาประกาศ “แบนและยกเลิกวีซ่านักศึกษาแก่นักศึกษาจีน” อย่างน้อย 2 รอบ สืบเนื่องมาตั้งแต่ความขัดแย้งทางการค้าในสงครามการค้าสองประเทศ โดยเหตุผลที่ยกเลิกวีซ่า อเมริกายกเหตุผล “นักศึกษาจีนเหล่านี้ มีความเกี่ยวข้องกับทางการทหารจีน และขโมยข้อมูลสำคัญของทางอเมริกาไปให้แก่ทางจีน” คาดว่ามีนักศึกษาจีนได้รับผลกระทบอย่างน้อย 3,000 – 5,000 คน จากจำนวนนักศึกษาจีนทั้งหมดที่เรียนในอเมริกาช่วงปีการศึกษา 2019-2020 372,000 คน คิดเป็นสัดส่วน 1 ใน 3 ของนักศึกษาต่างชาติหลักล้านคนในอเมริกา (อ้างอิงตัวเลขจาก China Daily สื่อจีน)
.
มีนักศึกษาจีนบางคนที่โดนแบนให้สัมภาษณ์กับสื่อ อย่างเช่น นักศึกษาหนุ่มจีนนาม “Dennis Hu” ให้สัมภาษณ์ต่อ CNN ว่า “เดินทางกลับจากอเมริกาไปยังบ้านในประเทศจีน เพื่อฉลองตรุษจีน (ช่วงจีนเกิดระบาดโควิด) และจะกลับไปต่อวีซ่าอเมริกา เพื่อกลับไปทำปริญญาเอกทางด้านวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ให้จบ แต่ปรากฏว่าเขาเป็น 1 ในนักศึกษาจีนนับพันคนที่โดนแบนวีซ่า ไม่ให้กลับไปศึกษาต่อในอเมริกา และแน่นอนว่า เขาก็เหมือนกับทุกคนที่โดนแบน ยืนยัน ไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆหรือเป็นสายลับให้กับรัฐบาลจีน”
.
5. เรื่องราวของความขัดแย้งทางการค้าและการเมือง ส่งผลกระทบต่อการไปเรียนอเมริกาของคนจีนมาสักพักใหญ่ๆแล้ว แต่ไม่ได้เป็นการแบนแบบหว่านแห ทุกมหาวิทยาลัย ทุกคน

“เหตุผลหลักๆมาจากประเด็นความปลอดภัยและความมั่นคงของประเทศ การเกรงกลัวว่าข้อมูลสำคัญจะหลุดรั่วไหลไปยังรัฐบาลจีนและกองทัพจีน ผ่านทางนักเรียนนักศึกษาและนักวิจัยจีน โดยเฉพาะทางสายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์ หรือเรียกรวมว่า STEM
.
บทความบนเว็บไซต์ Global Times สื่อกระบอกเสียงจีน ที่เผยแพร่เมื่อกรกฎาคมปีนี้ (2021) รายงานข้อมูล “ปัจจุบัน อเมริกาปฏิเสธวีซ่าแก่นักเรียนจีนที่ตั้งใจจะไปเรียนทางสาย STEM (วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์) มากกว่า 500 คน”
.
6. อีกหนึ่งบทความบนเว็บไซต์ Global Times เมื่อพฤษภาคม 2021 Global Times รายงานข้อมูลจาก Gewai Education บริษัทแนะแนวศึกษาต่ออเมริกา ซึ่งเผยข้อมูลการขอวีซ่าอเมริกาของนักเรียนจีนจำนวนหนึ่งโดนปฏิเสธ เพราะพ่อแม่ผู้ปกครองทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงอยู่ในหน่วยงานเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยและความมั่นคงของประเทศจีน รวมถึง หน่วยงานปราบปรามคอรัปชั่นและตรวจคนเข้าเมือง
.
7. จากมาตรการของประเทศสหรัฐอเมริกา เข้มงวดเรื่องวีซ่าแก่นักเรียนนักศึกษาจีน รวมถึงนักวิจัยจีน ด้วยเหตุผลเรื่องความปลอดภัยและความมั่นคง เคยมีการนำเสนอข่าวออกมาโดยสื่อต่างประเทศเหมือนกันว่า ประเทศพันธมิตรของอเมริกาบางประเทศ มีการดำเนินนโยบายคล้ายๆกันนี้ อย่างเช่น ญี่ปุ่น ตามการรายงานข่าวของ The Straits Times
.
และ แคนาดา ก็เคยมีการเรียกร้องให้มหาวิทยาลัยแคนาดา ระมัดระวังการทำวิจัยร่วมกับมหาวิทยาลัยและสถาบันวิจัยจีน เพราะข้อมูลอาจรั่วไหลไปถึงรัฐบาลจีน อย่างยิ่งทางการทหารจีน เป็นความวิตกกังวลและกลัวในประเด็นเดียวกันกับที่อเมริกาให้เหตุผลแบนวีซ่านักเรียนนักศึกษาและนักวิจัยจีน (ตามการรายงานของ CBC สื่อแคนาดา)
.
8. จีนตอบโต้นโยบายเข้มงวดแก่นักศึกษาจีนของอเมริกามาโดยตลอด ตั้งแต่ปี 2019 สงครามการค้าจีนอเมริกา รัฐบาลจีนออกประกาศเตือนประชาชนถึงการไปเรียนต่อและเที่ยวที่ประเทศสหรัฐอเมริกาให้ระมัดระวังในเรื่ิองของการขอวีซ่าที่มีข้อจำกัดมากขึ้น ให้ระยะเวลาอยู่ในอเมริกาลดน้อยลงกว่าที่ควรจะเป็น โดยเฉพาะส่งผลโดยตรงต่อนักศึกษาจีนที่ต้องการไปเรียนต่อที่อเมริกา
.
9. ไม่ใช่อเมริกา “เพิ่มข้อจำกัดในการขอวีซ่าแก่ชาวจีน เพียงอย่างเดียว” ประเทศจีนเองก็เข้มงวดแก่ชาวอเมริกา อย่างเช่นเมื่อช่วงเดือนมิถุนายน 2020 ทางการจีน ออกมาตรการ ‘เพิ่มข้อจำกัดในการออกวีซ่าแก่ชาวอเมริกัน ที่มีพฤติกรรมเชิงลบต่อเรื่องราวของจีนและฮ่องกง โดยในปี 2020 เป็นปีที่อเมริกายกเลิกวีซ่านักเรียนจีนหลักพันคน ตามการวิเคราะห์ของผู้เชี่ยวชาญและสื่อต่างประเทศ อาทิ ABC News และ Wall Street Journal มองว่า “เบื้องลึกไม่ใช่ประเด็นความมั่นคงอย่างเดียว แต่เป็นการต่อต้านการออกกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติที่จีนนำไปใช้กับฮ่องกง”
.
10. การแก้ไขปัญหาสมองไหล-หัวกะทิ-ประชาชนผู้มีความสามารถไปใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศ อย่างยิ่งในอเมริกา ให้กลับมายังประเทศจีน มีส่วนมาผลจากความขัดแย้งทางการเมืองและปัญหาทางการค้าจีนอเมริกา ทำให้คนจีนในอเมริกาเรียนจบ หรือทำงานในอเมริกาอยู่แล้ว ย้ายกลับจีนมากขึ้น แต่ไม่ใช่เหตุผลทั้งหมด เพราะจีนดำเนินนโยบายดึงดูดคนจีนเก่งๆให้กลับมาประเทศจีน ตั้งแต่ก่อนเกิดสงครามการค้าจีนอเมริกาและการขัดแย้งทางการเมืองอย่างหนัก
.
จากประสบการณ์จริงของอ้ายจง สมัยไปทำวิจัยที่เมืองซีอานปี 2014 ตอนนั้นที่แลปดีลกับมหาวิทยาลัยในอเมริกาและยุโรปเยอะมากในด้านทำการวิจัย
.
ภายใต้การร่วมมือแต่ละครั้ง ทางแลปและมหาวิทยาลัยจะดีลโดยตรงส่วนตัวกับอาจารย์-ศาสตราจารย์จีนที่ทำงานในอเมริกา ให้มาเป็นอาจารย์และนักวิจัยในมหาวิทยาลัยจีน โดยดึงดูดด้วยผลตอบแทนและโอกาสก้าวหน้าทางอาชีพ เพื่อให้คนเก่งหัวกะทิเหล่านี้มั่นใจว่า “คุ้มค่าในการกลับไปยังประเทศบ้านเกิดเมืองนอน” （อ่านบทความเต็มที่ผมเคยเขียนเกี่ยวกับการแก้ปัญหาสมองไหลของจีน ได้ที่ https://www.blockdit.com/posts/60785b284bbb3e0c2e04f976）
.
#สรุป อเมริกาและประเทศอื่นๆ โดยเฉพาะประเทศพันธมิตรของอเมริกา มีข้อจำกัดในการให้วีซ่าแก่ประชาชนชาวจีนจริง ในการเข้าศึกษาต่อและทำวิจัย แต่ขอเน้นย้ำว่า “ไม่ใช่การจำกัด หรือแบนแบบ 100%“ และจากตัวเลขตามที่มีรายงานออกมาจากสื่อต่างประเทศและสื่อจีนเอง จำนวนนักศึกษาจีนที่ได้รับผลกระทบ เอาแค่ในประเทศอเมริกา เป็นจำนวน “หลักพัน” จากทั้งหมด 3 แสนกว่าคนที่ศึกษาในอเมริกา ดังนั้น ไม่ใช่สัดส่วน 80% ที่โดนแบนและไล่กลับจีนแบบที่มีการแชร์ก่อนหน้านี้
.
โดยเหตุผลหลักของการแบนและจำกัดวีซ่าแก่คนจีน มาจากเหตุผล “ความมั่นคงและข้อขัดแย้งทางการเมือง” เน้นหนักไปที่การเกรงกลัวข้อมูลสำคัญหลุดไปยังรัฐบาลและทางกองทัพจีน ซึ่งสาขาการเรียนและการวิจัยที่โดนจับตามองเป็นพิเศษ ได้แก่ สาขาสาย STEM - วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์

.
อ้ายจงอ้างอิงข้อมูลจากแหล่งข่าวทั้งจีน อเมริกา และประเทศอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับประเด็นเนื้อหา โดยใช้เป็นแหล่งข่าวภาษาอังกฤษ เพื่อทุกคนที่สนใจสามารถอ่านและตรวจเช็คข้อมูลได้ครับ
-https://www.scmp.com/news/china/diplomacy/article/3145877/high-price-chinese-students-pay-university-us-during-covid-19)

- https://news.cgtn.com/news/2020-05-30/U-S-bans-some-Chinese-students-from-entering-its-borders-QUoMxQGh4Q/index.html
- https://www.bbc.com/news/world-us-canada-54097437
- https://www.bloomberg.com/news/articles/2020-09-10/u-s-revoked-over-1-000-chinese-visas-over-national-security
- https://www.theguardian.com/world/2020/sep/10/us-cancels-1000-china-student-visas-claiming-ties-to-military
- https://www.globaltimes.cn/page/202104/1222300.shtml
- https://www.globaltimes.cn/page/202105/1223713.shtml
- https://www.globaltimes.cn/page/202107/1228072.shtml
- https://global.chinadaily.com.cn/a/202008/13/WS5f3491d4a31083481725ffd7.html
- http://www.chinadaily.com.cn/a/202107/07/WS60e4dde8a310efa1bd6601c7_2.html
- https://www.straitstimes.com/asia/east-asia/japan-to-tighten-checks-on-visa-applications-by-chinese-students-researchers-over
- https://www.cbc.ca/news/politics/china-canada-universities-research-waterloo-military-technology-1.5723846

#อ้ายจง #เล่าเรื่องเมืองจีน #ชีวิตในจีน #จีน #อเมริกา #เรียนต่ออเมริกา #แบนวีซ่า

#HannahEdSuccessfulstories HÀNH TRÌNH ĐẾN VỚI HỌC BỔNG 75% BUV CỦA THU PHƯƠNG - 7.0 IELTS KHÔNG GIẢI QUỐC GIA, QUỐC TẾ, KHÔNG PHẢI FOUNDER/HEAD

Theo như chị biết thì 75% học bổng là suất cao nhất BUV dành cho một số trường rồi đó. Chị hi vọng là vài viết tràn đầy năng lượng lại vô cùng chi tiết của bạn Phương CNN sẽ truyền thêm động lực cũng như các tips để giúp Schofans hoàn thành thật tốt hồ sơ nhé. 25/5 tới là hạn chót nộp hồ sơ học bổng toàn quốc BUV rồi. Mỗi người sẽ có những giá trị riêng và câu chuyện đặc biệt của riêng mình. Chúc cả nhà thành công nhé ❤ Bật mí Phương là học trò của lớp học bổng HannahEd page mình đó các em ạ. Các bạn hỏi chị về lớp học bổng thì thông tin ở cuối bài nha.

-----------------------
Xin chào các bạn ~ Mình là Thu Phương, học sinh lớp 12 của trường THPT Chuyên Ngoại Ngữ (CNN). Vào ngày 30/4/2021, sau gần 2 tháng từ lúc làm hồ sơ cho đến khi kết thúc quá trình phỏng vấn, mình đã vui mừng giành được một suất học bổng trị giá 75% trong gói Học bổng Hợp tác Chiến lược giữa trường Đại học Anh Quốc Việt Nam - BUV và CNN. Mình vô cùng vinh dự khi được trở thành Quán quân học bổng liên kết BUV năm 2021^^

Thế nhưng, khoan hãy nghĩ rằng chắc profile mình "khủng" lắm, đó không phải sự thật đâu =))

Vì mình chỉ có 7.0 IELTS; không một giải thưởng quốc gia hay quốc tế; không phải founder/ head của bất kì dự án nào; và nhiều điều "không có" khác. Nhưng, mình vẫn làm được. Vậy nên, mình sẽ chia sẻ tới các bạn câu chuyện nhỏ của mình. Hy vọng dù chỉ là một chút, bạn sẽ thêm động lực cho điều bạn đang cố gắng và tin tưởng con đường bạn đang đi ^^

🌻🌻🌻 Chuyện những con số 2 🌻🌻🌻

⏩2 tuần là thời gian mình chuẩn bị toàn bộ hồ sơ: gồm bài luận, thư giới thiệu, portfolio, CV, đơn xin học bổng. Vì trước đó mình không hề có ý định apply và mình biết đến học bổng Liên kết quá muộn. Hơn thế, 2 tuần đó còn rơi vào đúng 2 tuần trường mình thi Giữa kì II. Ban ngày học trên lớp, thời gian buổi chiều và buổi tối, và đến quá nửa đêm là lúc mình lao vào chuẩn bị. Không ngày nào là mình đi ngủ trước 2 giờ sáng. Nhưng, các bạn biết không, ngày đi nộp hồ sơ, chị Ly phòng ban tuyển sinh còn khen hồ sơ mình đầu tư, rất chỉn chu và đầy đủ trong số những bộ hồ sơ chị đã nhận của CNN. Có lẽ, chính áp lực thời gian đã ép mình phải làm việc với 200% sức lực.

=> Và mình nhận ra, chỉ cần BẠN TÂM HUYẾT VÀ NGHIÊM TÚC, bạn vẫn sẽ có thể biến điều tưởng chừng không thể thành có thể. Nếu bạn đang muốn điều gì, đừng bận ngồi nghĩ nữa, hãy bắt tay vào làm, dù là còn tận 2 năm, 2 tháng hay thậm chí 2 tuần. Chỉ cần đó là điều bạn thực sự khát khao.

⏩ 2 suất học bổng duy nhất và 22 ứng cử viên. Như mình đã nói, mình không có điểm IELTS cao hay nhiều thành tích "khủng". Và đặc biệt, mình quá quen với việc xung quanh luôn có những bạn dành được học bổng với profile siêu đỉnh với số lượng thành tích dài như bài văn đại học của mình 🙂 Nên mình đã nghĩ, cũng phải khủng sương sương như vậy thì mới có cơ hội. Nhưng không phải đâu.

=> Vậy nên, mình muốn nói rằng đối thủ mạnh không phải là điều các bạn cần quá e sợ và lo lắng. Điều các bạn cần quan tâm chính là BẢN THÂN MÌNH. Thay vì nhìn vào điều mình không có thì hãy cố gắng phát huy tốt những điểm mà mình có.

Mình không là "học bá xuất sắc", không phải một học sinh hoàn hảo, không cố tỏ ra là một ai khác, mà là một bông hoa tuy nhỏ bé nhưng vẫn có tiềm năng tỏa sáng.

🌻 Một bông hoa hiểu rõ vẻ đẹp của mình

Mình có những giá trị riêng và những câu chuyện đặc biệt mà mình muốn cho mọi người thấy. Bài luận, mình chọn viết về... làn da của mình. Trong hồ sơ năng lực, có thể thành tích hay HĐNK của mình không "khủng" nhưng với từng điều mình đã đạt được, đều có sự nỗ lực, tình cảm mình đầu tư cho nó. Và mình đã chú trọng thể hiện khía cạnh đó. Vòng phỏng vấn, mình đem theo "hướng dương" và cố gắng trở thành một "hướng dương" trong căn phòng đó. Vậy đấy, không cần là những thứ to lớn, bạn có thể bắt đầu từ điều tưởng chừng "nhỏ bé" nhưng nó cho thấy được những điều "phi thường" ở bạn. Mình nghĩ ai cũng sở hữu một đặc điểm mà khiến họ khác biệt. Một câu chuyện giúp bạn trường thành. Một chặng đường khiến bạn trở thành bạn ngày hôm nay. Hãy cho mọi người thấy điều đó. Và BUV thì luôn trân trọng sự khác biệt và đề cao sức sáng tạo của mỗi cá nhân, không yêu cầu bạn phải theo một khuôn mẫu nào cả, vậy thì sao không tranh thủ thể hiện một mình "không hoàn hảo" nhưng độc nhất và quyết tâm chứ?

🌻 Một bông hoa nỗ lực không phải vì kết quả, mà vì hành trình

Mình bắt đầu mà không dám nghĩ đến kết quả. Vì mình thấy cạnh tranh và khó quá, vì các bạn trường mình đỉnh lắm ý. Đôi khi mình còn thấy nó là điều không tưởng. Nhưng mình mặc kệ. Mình chọn tận hưởng hành trình. Mình cứ làm thôi. Và sau này mình nhận ra, kể cả mình có không được học bổng thì hành trình apply vẫn cho mình rất nhiều.

🌻 Một bông hoa rung động thật nhiều vì điều nó yêu.

Mình chắc chắn không phải người xuất sắc nhất, nhưng mình nghĩ là mình là người đã yêu hết mình. Từ một đứa định "apply cho vui", càng làm, càng tìm hiểu, mình lại càng yêu BUV. Mà yêu nhất là con người nơi đây. Mà càng yêu, thì càng không quan tâm hay sợ thất bại nữa. Mình nghĩ nếu bạn có thể cho đối phương biết bạn YÊU ĐIỀU BẠN ĐANG LÀM như thế nào, rằng BẠN KHÁT KHAO ĐIỀU NÀY ra sao, thì đối phương cũng sẽ mở lòng và đón nhận bạn. Hình ảnh mình muốn hội đồng tuyển sinh nhìn thấy cũng chính là "một bông hoa hướng dương trong gió" tuy nhỏ bé nhưng luôn khát khao được toả sáng, rằng mình thực sự nghiêm túc với cơ hội này, và nó vô cùng quan trọng với mình.

💖💖💖 Cuối cùng, mình đã làm được. Làm được không có nghĩa nó dễ dàng. Và đây không phải điều hiển nhiên, cũng không phải là may mắn. Đằng sau thành công và nụ cười là những lần vụn vỡ và những giọt nước mắt lặng lẽ. Mình khóc siêu nhiều ấy. Mình vẫn nhớ những đêm ngồi viết luận một mình, áp lực quá mình cũng khóc. Khi phỏng vấn xong, về nhà, mình cũng khóc tu tu vì nghĩ lại cả một thời gian dài đã qua. Và lần khóc vừa to vừa lâu nhất chính là khi nhận được Gmail báo mình đỗ rồi 🙂 Tất cả chính là sự nỗ lực không ngừng. Có những đêm mình chẳng thể ngủ nổi vì chỉ cần nhắm mắt lại, giấc mơ lại hiện lên, đành phải bật dậy tự viết rằng "mày làm được mà" để động viên bản thân. Có thể không ai tin, và thực ra mình cũng chưa từng dám nghĩ rằng mình có thể. Chỉ là mình sẽ cứ làm thôi. Vì trái tim mình bảo vậy.

Và mình nghĩ rằng bất kì một người "thành công" nào cũng trải qua những thứ như vậy. Kể cả những người mà chỉ cần nhìn vào cũng nghĩ rằng họ dễ dàng đạt được điều này điều kia, nhưng sự thật là họ cũng gặp nhiều khó khăn, thất bại, đôi khi là sự cô đơn nữa. Họ phải đánh đổi rất nhiều. Nên nếu bạn đang cảm thấy còn mông lung và sợ hãi, thì bạn không hề một mình đâu.

🌱🌱🌱 Tuy nhiên, mình muốn nói với bạn rằng: Mình làm được, bạn chắc chắn làm được. Dù điều đó có khó khăn, dù mọi người không tin bạn, hay chính bạn cũng không tin, thì hãy cứ thử một lần. Bạn có mất gì đâu? À, có. Mất một trái tim yêu hết mình, mất công, mất sức, mất nước mắt, mất thời gian vui chơi,... nhưng nếu đó là vì ước mơ của bạn, vì điều bạn khát khao, vì điều mà bạn luôn nghĩ về không kể ngày đêm, thì mất chút đó, mình nghĩ là đáng, cực kì đáng.

🎆🎆🎆 Và hãy cứ dám ước mơ các bạn ạ. Ước mơ một điều chính nghĩa, một điều phi thường. Có thể vì ước mơ đó quá đẹp, quá "cao", chúng mình sẽ bị "choáng" một tí. Nhưng cứ bắt đầu từ những bước nhỏ, rồi khi đi đến điểm cuối của cuộc hành trình, bạn sẽ rất tự hào về điều bạn đã dám làm. Không sợ chậm, chỉ sợ dừng mà thôi.

Và bạn có biết mình sợ điều gì nhất không? Chính là những người giỏi hơn mình, họ vẫn đang nỗ lực mỗi ngày để tới được những đích đến cao và đẹp hơn. Vậy thì, mình nhất định không thể không cố gắng rồi.
—————————————————————-
Và mình đã không đơn độc trên hành trình này. Con muốn cảm ơn gia đình thật nhiều vì đã là chỗ dựa ấm áp của con. Con xin được cảm ơn cô Tuyết, cô Hiền, cô Hòa, ... đã giúp đỡ và tạo điều kiện thật nhiều cho con. Em xin cám ơn chị Hoa Dinh và page Scholarship for Vietnamese students vì những kiến thức bổ ích về quá trình chuẩn bị hồ sơ và phỏng vấn. Em cám ơn chị Bui Thai Ly đáng yêu bên ban tuyển sinh vì đã là một người bạn đồng hành, cổ vũ em. Đặc biệt, em xin gửi lời cám ơn chân thành và rất nhiều yêu thương tới chị Lee Rin và người bạn - "mentor" siêu cấp tài năng Nghĩa Lê Minh, cám ơn Thao Nguyen, người anh em trân quý vô cùng Phúc Đạt Cao, cám ơn Chacha... Cám ơn tất cả những người anh, người chị, người bạn đã trở thành nguồn cảm hứng cho em. Và quan trọng nhất, cám ơn bản thân vì đã cố gắng và chăm chỉ đến như thế.

Lời cuối, em xin được cảm ơn trường Đại học Anh Quốc Việt Nam - BUV British University Vietnam vì đã cho em một cơ hội quý giá để thể hiện bản thân và đã đón nhận em trở thành một phần của gia đình "kim cương xanh" 💎

Và hy vọng từ nay đến ngày 25/5 tới, hạn chót nộp hồ sơ học bổng toàn quốc BUV, sẽ có thêm thật nhiều các bạn tài năng, chứng tỏ rằng mình xứng đáng với điều kỳ diệu này.

🌻🌻🌻 Yêu thương, Thu Phương, một khoảnh khắc của tuổi 18
❤ ❤❤ Chúc các bạn tự tin trên con đường mình chọn. Cảm ơn các bạn đã đọc đến đây, quả là một bài viết rất dài!!!

====
☘️✈️Các bạn muốn xin học bổng các học bổng trong và ngoài nước khác, đủ bậc nữa, đừng quên các lớp học bổng HannahEd, chương trình Mentor 1-1, Review hồ sơ luôn sẵn sàng để hỗ trợ các bạn tối đa, giúp các bạn tìm ra điểm mạnh, câu chuyện của bản thân các bạn nhé.
Các bạn email thoải mái câu hỏi, CV về [email protected] hoặc nhắn tin cho page, page sẽ review free CV cho cả nhà.
Link nhận thông tin về các chương trình Scholarship Support HannahEd: http://tiny.cc/HannahEdRegister
Lịch học của lớp 2 tháng gần nhất, hè tháng 6, 7 đã mở đki: http://tiny.cc/HannahEdClass
Link thông tin về lớp:
https://hannahed.co/lop-tim-va-nop-hoc-bong/
Các bạn email thoải mái câu hỏi, CV về [email protected] hoặc nhắn tin cho page nhé.
#HannahEd #duhoc #hocbong #sanhocbong #scholarshipforVietnamesestudents

Hundreds of students across five continents join #CNN for the first-ever #MyFreedomDay Global Forum. 🙌🏽 Here are a few snapshots from the taping here in Asia. ☺️

Join me, Donie O’Sullivan, and Becky Anderson as we engage young people all over the world to discuss modern slavery and determine an action plan to end it.⛓💥🙌🏽

CNN's #MyFreedomDay: A Global Forum debuts this weekend:

Saturday 3/20/21
1am ET (1pHK)
1230pm ET

Sunday 3/21/21
6am ET (6pHK)
930pm ET

👊🏽 @sarita555 @jadynbsham @siriainmorris @_lisacnn @leifcoorlim @johnmees @devocnn @alexdicker

#cuocsongmy #chibrugh #stimuluscheck

Link Stimulus Check $2,000: https://popculture.com/trending/news/second-stimulus-bill-one-proposal-calls-2000-check-instead-1200/
Link Du Học Sinh Sẽ Bị Trục Xuất: https://www.google.com/amp/s/amp.cnn.com/cnn/2020/07/06/politics/international-college-students-ice-online-learning/index.html
Link PPP & EIDL : https://www.fool.com/investing/2020/07/07/self-employed-you-may-be-eligible-for-a-1000-grant.aspx

Kênh CHI Vlog (http://bit.ly/2FE9L5h) để chia sẻ với tất cả các bạn về cuộc sống của người Việt trên xứ Mỹ, cảm ơn mọi người đã ghé thăm và hãy ủng hộ cho mình. Hãy đăng ký theo dõi bẵng cách nhấn Subscribe ( http://bit.ly/2FE9L5h ) Like và Share Video của mình cho mọi người cùng xem nhé.
Trân trọng cảm ơn các bạn rất nhiều!

請用片右下角調HD1080高清睇片。

啟德郵輪碼頭公園正式對外開放，佔地2.3萬平方米，市民可以360度欣賞維港海景，公園每天開放16小時，在九龍灣、觀塘及牛頭角港鐵站有小巴或巴士來往公園。不過，碼頭大樓二樓的商業區，至明年年初才分階段開放。有市民認為交通、配套設施不足以及指示不清晰。

　　
　　公園位於九龍啟德承豐道33號啟德郵輪碼頭頂層平台，由康樂及文化事務署負責管理，開放時間為每日上午7時至晚上11時。公園內設有多項靜態設施，包括中央草坪、觀景平台、水景花園及噴泉廣場等。公園內有部分設施仍未正式投入服務，例如多能感應地圖、部分飲水機和升降機。不過，碼頭大樓二樓的附屬商業區及相連的公眾長廊，將於明年年初才分階段對外開放。
在公共交通安排方面，九龍專線小巴第86號線將每日（星期一至星期日）來往郵輪碼頭及九龍灣（德福花園），服務時間由上午7時至晚上8時，班次為每12至30分鐘一班，車資五元正（長者、學生及殘疾人士車資為三元正）。

　　此外，逢星期日及公眾假期，除專線小巴外，九巴會安排一條特別假日路線第5R號線，由上午10時至晚上8時提供往返郵輪碼頭至牛頭角/觀塘港鐵站的服務，班次為每30分鐘一班，車資六元七角。碼頭亦設有的士站及收費私家車泊車設施，方便市民前往。


Kai Tak cruise terminal officially opened the park covers an area of ​​23,000 square meters , the public can enjoy the 360-degree view of Victoria Harbour , the park is open daily 16 hours in Kowloon Bay , Kwun Tong and Ngau Tau Kok MTR station, minibus or bus to and from the park . However, the terminal building on the second floor of the business district, to open in stages until early next year . Some people think that traffic , inadequate facilities and instructions are not clear.


Park is located at Kai Tak Cheng Feng Road, 33 top-level platform for the Kai Tak cruise terminal by the Leisure and Cultural Services Department is responsible for managing , open daily from 7:00 to 23:00 . Park has a number of static facilities, including a central lawn , viewing platforms , water garden and fountain plaza. The park has some of the facilities has not yet formally put into service , such as multi-sensory map , part of the dispenser and lifts . However, the second floor of the terminal building and associated ancillary commercial public promenade will be opened in stages until early next year .
On public transport arrangements, Kowloon GMB Route No. 86 will be a day ( Monday to Sunday ) and from the cruise terminal and Kowloon Bay ( Telford Gardens ) , the service time from 7:00 to 8:00 pm , at frequencies of 12 to 30 minutes , fare $ 5.00 ( senior citizens , students and people with disabilities fare as triples positive ) .

In addition, on Sundays and public holidays , except for green minibus , KMB will arrange for a special holiday Route No. 5R line from 10:00 to 20:00 and from the cruise terminal to Ngau Tau Kok / Kwun Tong MTR station services a frequency of every 30 minutes , fare $ 6.75 . Terminal also has a taxi stand and charges private car parking facilities to facilitate public access .